งูลอกคราบไม่หมด กิ้งก่าลอกคราบผิดปกติ ภาวะลอกคราบไม่สมบูรณ์ (Dysecdysis)

งู/กิ้งก่าลอก คราบทำไม
การลอกคราบ (Ecdysis หรือ Shedding) คือกระบวนการที่สัตว์เลื้อยคลาน เช่น กิ้งก่าและงู สลัดผิวเก่าออกเพื่อให้ผิวหนังใหม่ที่อยู่ข้างใต้เติบโตขึ้นแทน ถือเป็นกระบวนการตามธรรมชาติที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต การฟื้นฟูบาดแผล และการกำจัดปรสิตที่ติดอยู่บนผิว
สัตว์ที่มีการลอกคราบไม่ได้มีเพียงกิ้งก่าหรืองูเท่านั้น แต่ยังพบในสัตว์อื่น ๆ เช่น แมลง และครัสเตเชียน (crustacean) อย่างกุ้ง ปู ด้วย แต่ในบทความนี้เราจะโฟกัสที่สัตว์เลื้อยคลานที่เลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะงูและกิ้งก่า


ความสำคัญของการลอกคราบ
- ช่วยให้ร่างกายเติบโตได้ตามปกติ
- ฟื้นฟูผิวหนังที่สึกหรอหรือบาดเจ็บ
- กำจัดพยาธิภายนอก (ectoparasites)
- มีผลต่อสุขภาพโดยรวมและคุณภาพชีวิตของสัตว์
ภาวะลอกคราบไม่สมบูรณ์ (Dysecdysis) คืออะไร และส่งผลยังไงกับสัตว์
ภาวะลอกคราบไม่สมบูรณ์ (Dysecdysis) หมายถึง การลอกคราบที่ผิดปกติ เช่น ลอกไม่หมด ติดค้างอยู่เป็นชิ้น ๆ หรือมีคราบซ้อนกันหลายชั้น หากเกิดขึ้นบ่อยหรือปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้สัตว์มีปัญหาสุขภาพ เช่น
- เลือดไหลเวียนไม่สะดวก อาจทำให้เนื้อตายที่ปลายนิ้วหรือหาง
- คราบที่ติดรอบดวงตา ส่งผลต่อการมองเห็น
- เป็นแผล การติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา
- ความเครียดและลดคุณภาพชีวิต


ทำไมงู/กิ้งก่า ลอกคราบไม่หมด ลอกคราบผิดปกติ
สาเหตุมีทั้งเรื่องวิธีการเลี้ยง สภาพแวดล้อม และปัจจัยของตัวสัตว์เอง
- ความชื้นต่ำเกินไปหรือตู้เลี้ยงแห้งเกิน
- อุณหภูมิสิ่งแวดล้อมต่ำเกินไป
- สภาพแวดล้อมไม่เอื้อ ไม่มีวัสดุสำหรับให้สัตว์เสียดสีร่างกาย
- โภชนาการไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะการขาดวิตามิน A การขาดโปรตีน
- ปรสิตผิวหนัง เช่น ไร เห็บ
- โรคประจำตัว แผล ผิวหนังอักเสบ การติดเชื้อ
การจัดการเบื้องต้นเมื่อพบภาวะลอกคราบไม่สมบูรณ์
- เพิ่มความชื้น พ่นละอองน้ำ หรือใช้กล่องชื้น (humid hide)
- อาบน้ำอุ่น แช่สัตว์ในน้ำอุ่นเล็กน้อยเพื่อให้คราบนิ่ม วันละ 1ครั้ง ติดต่อกัน2-3วัน
- ช่วยลอกเบาๆ ใช้สำลีหรือผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดเบาๆ (ห้ามดึงแรงเพราะอาจทำให้เกิดแผล และมีผลต่อการลอกคราบในอนาคต)
- ตรวจสภาพตู้เลี้ยง ตรวจอุณหภูมิ ความชื้น และวัสดุที่ใช้
- เสริมโภชนาการ ตรวจสอบอาหารและการเสริมวิตามิน
การป้องกันในระยะยาว
- รักษาความชื้นและอุณหภูมิให้เหมาะกับชนิดสัตว์
- จัดสภาพแวดล้อมให้มีที่ให้สัตว์เสียดสีตัว
- ให้อาหารที่ครบถ้วนและเสริมวิตามินตามความเหมาะสม
- ตรวจสุขภาพและปรสิตเป็นระยะ
เมื่อไหร่ควรพาสัตว์ไปพบสัตวแพทย์
- คราบติดแน่นนานเกินไป
- มีแผลหรือการติดเชื้อร่วมด้วย
- ปลายนิ้วหรือหางเริ่มเปลี่ยนสี/บวม/ตาย
- คราบติดรอบดวงตาซ้ำ ๆ หรือสัตว์มีอาการมองไม่ชัด
5 สิ่งที่ควรตรวจเช็ค เพื่อประเมินว่างูและกิ้งก่าลอกคราบผิดปกติหรือไม่
- คราบติดเป็นชิ้นๆ ที่นิ้ว หาง หรือรอบตา
- คราบไม่หลุดหมดหลังผ่านไปหลายวัน
- สัตว์ดูซึม ไม่กินอาหารนานผิดปกติ
- มีรอยแดง แผล หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์
- ปลายนิ้วหรือหางเริ่มเปลี่ยนสีเข้ม/ดำ
การลอกคราบเป็นกระบวนการธรรมชาติที่สำคัญมากสำหรับงูและกิ้งก่า หากเกิด ภาวะลอกคราบไม่สมบูรณ์(Dysecdysis) ควรแก้ไขโดยเร็วด้วยการปรับสภาพแวดล้อมและช่วยเหลือเบื้องต้น แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้นหรือมีภาวะแทรกซ้อน ควรรีบพาสัตว์ไปพบสัตวแพทย์ทันที
โรงพยาบาลสัตว์ ดารินรักษ์ (Darin Animal Hospital)
214 ซ.ประเสริฐมนูกิจ 29 แยก 10 (รามอินทรา 14) จรเข้บัว ลาดพร้าว กรุงเทพฯ 10230