กระต่ายคอเอียง เกิดจากอะไร รักษายังไง?

กระต่ายคอเอียงเกิดจากอะไร
อาการคอเอียงในกระต่ายถือเป็นความผิดปกติที่ต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยโดยรอบด้านเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เพราะ มีโอกาสเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการได้รับอุบัติเหตุกระทบกระแทกแล้วเกิดความเสียหายของระบบประสาทโดยตรง หูอักเสบระคายเคืองจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือปริสิต เป็นต้น ซึ่งแต่ละสาเหตุล้วนมีแนวทางการรักษาแตกต่างกัน
สำหรับในกระต่ายที่มีอาการคอเอียงหรือหัวเอียง ต้นเหตุที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง ก็คือ การติดเชื้อโปรโตซัว Encephalitozoon culiculi (E. cuniculi) เชื้อชนิดนี้ไม่เพียงแต่ทำให้กระต่ายมีอาการคอเอียงเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถก่อให้เกิดรอยโรคได้ทั้งในสมอง ไขสันหลัง ตาและไต โดยอาจก่อโรคได้ในอวัยวะใดอวัยวะหนึ่ง หรือเกิดความผิดปกติหลายจุดร่วมกันไป
อาการของกระต่ายที่ติดเชื้อโปรโตซัว E. cuniculi
รอยโรคทางระบบประสาท
- หัวเอียง/คอเอียง (head tilt)
- เดินเซ (ataxia) เดินวน (circling) อัมพาต (paralysis)
- ตากระตุก (nystagmus)
- กลิ้งตัว (rolling)
- บางรายอาจมีอาการชักร่วมด้วย


รอยโรคที่ตา
- มีภาวะต้อกระจก
- ภาวะการอักเสบของเนื้อเยื่อในลูกตา/ม่านตาร่วมกับการเสียหายของเสนส์ (lens induced phacoclastic uveitis)

รอยโรคที่ไต
ไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก แต่ต้องสังเกตร่วมกับอาการข้างเคียงอื่นๆ เช่น น้ำหนักลด ทานน้ำเยอะ ปัสสาวะเยอะ มีภาวะแห้งน้ำ และผลตรวจเลือด เช่น ภาวะโลหิตจาง ภาวะไตวาย กรวยไตอักเสบ รวมถึงตรวจอัลตร้าซาวน์เพิ่มเติมเพื่อประกอบกัน
การตรวจวินิจฉัย
- พิจารณาจากอาการทางคลินิกร่วมกับผลตรวจเลือด
- ตรวจหาสปอร์ของเชื้อในปัสสาวะด้วยวิธี PCR
- ตรวจแอนติบอดีต่อเชื้อในกระแสเลือด ด้วยวิธี ELISA
** ทั้งนี้ต้องมีการวินิจฉัยแยกโรคจากโรคอื่นที่มีอาการใกล้เคียงกันด้วยเช่น การติดเชื้อในช่องหู การบาดเจ็บของเส้นประสาทไขสันหลังและรอยโรคทางระบบประสาทอื่นๆ ก็ทำให้เกิดอาการทางระบบประสาทข้างต้นได้เช่นกัน
การรักษากระต่ายคอเอียง/หัวเอียง
แนวทางการรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและอาการที่แสดงออกของกระต่ายแต่ละตัว โดยทั่วไปจะแบ่งเป็น 2 แนวทางสำคัญๆ คือ
- การทานยาฆ่าเชื้อโปรโตซัวต่อเนื่องอย่างน้อย 4-6 สัปดาห์
- การรักษาตามอาการอื่นๆ ที่เกิดร่วมกัน เช่น การให้ยาลดอักเสบ ยาปฏิชีวนะทางระบบ ยาหยอดตา ยาบำรุงระบบประสาท บำรุงไต เสริมภูมิต้านทาน เป็นต้น โรคนี้ใช้ระยะเวลาในการรักษาค่อนข้างนานต้องมีการติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง บางครั้งอาจทำได้เพียงรักษาแบบประคับประคอง
การป้องกัน
- รักษาความสะอาดของภาชนะใส่น้ำและอาหาร และกรงที่อยู่ อย่างสม่ำเสมอ
- ตรวจสุขภาพและถ่ายพยาธิป้องกันปรสิตภายนอกและภายในเป็นประจำ อย่างน้อยทุกๆ 6 เดือน
- หลีกเสี่ยงการใช้เลี้ยงอย่างหนาแน่นและการใช้ภาชนะร่วมกันหลายๆตัว
การติดต่อ
- กระต่ายจะได้รับเชื้อผ่านทางการกินอาหาร/น้ำที่มีการปนเปื้อนปัสสาวะของสัตว์ที่มีเชื้อ เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะแพร่กระจ่ายไปตามกระแสเลือดและไปที่อวัยวะเป้าหมายหลักๆ คือ ตา ไต และสมอง ในบางรายอาจมีไปที่ตับและปอดร่วมด้วยได้ หลังจากนั้นเชื้อจะมีการฟักตัวและปล่อยสปอร์ออกมากับปัสสาวะ
- ในแม่กระต่ายที่ตั้งท้องสามารถแพร่เชื้อให้ลูกกระต่ายผ่านทางรกได้
ในกระต่ายที่ได้รับเชื้อบางรายอาจไม่แสดงอาการใดๆ และเมื่อร่างกายมีภูมิต้านทานต่ำลงหรือเมื่อมีอายุมากแล้วจึงเริ่มแสดงอาการของโรคขึ้นมา
โรงพยาบาลสัตว์ ดารินรักษ์ (Darin Animal Hospital)
214 ซ.ประเสริฐมนูกิจ 29 แยก 10 (รามอินทรา 14) จรเข้บัว ลาดพร้าว กรุงเทพฯ 10230